วันศุกร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

เตรียมความพร้อมก่อน...สอบ {plus Grammy Light Orchestra}

     วันนี้วันมาฆบูชาแล้วนะเนี่ย  อยู่สัปดาห์เดียวกันกับวันวาเลนไทน์เลย (ต่างศาสนาต่างความเชื่อก็อยู่ร่วมกันได้...เห็นมั้ย) แต่ก็อย่าเพิ่งดีใจกันไปนะครับ  สำหรับคนที่ยังใช้ชีวิตอยู่กับการเรียน  จะสอบไฟนอลแล้วนะ... (บางคนอาจไม่รู้ว่าสอบไฟนอลคืออะไร  มันก็คือการสอบปลายภาคนั่นแหละครับ) และน้อง ม.๖ ก็ต้องลุ้นเข้ามหาวิทยาลัยรอบสุดท้ายกันแล้ว  สอบครั้งสุดท้ายแล้วต้องทำให้ดีที่สุดนะครับ  ไม่ว่าใครจะสอบอะไร  มันก็คือการวัดความสามารถ  ขอเน้นว่าวัดความสามารถนะครับไม่ใช่ความรู้  เพราะมีความรู้อย่างเดียวสอบไม่ได้แน่ๆเลย  เราต้องใช้ความรู้ที่เรามีให้เป็นและเร็วด้วย  สำหรับคนที่สอบเข้ามหาวิทยาลัย  รู้มั้ยถ้าคุณมีโอกาสอ่านบทความนี้  คุณชนะคนเป็นหมื่นได้อย่างสบายเลยหล่ะ

     ร่ายมาซะยาว...มาเข้าสาระกันเถอะ  อ๊ะ...บทความนี้พิเศษสำหรับคนที่มีโอกาสอ่านเท่านั้นนะ
     ก่อนอื่นนะ  ก่อนที่จะสอบอะไรก็ตาม  เราต้องฉลาดก่อน  พอเราฉลาดแล้วความฉลาดจะทำให้เราเก่งอีกทีนึง  ฉลาดเนี่ยไม่ใช่อัจฉริยะอะไรหรอกนะครับ  เพียงแต่ต้องรู้จักตัวเอง  หมายรวมถึงร่างกายของเราด้วยนะ  อยากบอกอะไรให้รู้เรื่องนึงจำไว้ให้ดีนะ "คนที่อ่านหนังสือข้ามคืนไม่ใช่คนฉลาด" เพราะการอ่านหนังสือมีเวลาของมัน  ร่างกายก็มีเวลาของมัน  มาทำความเข้าใจเกี่ยวกับเวลาของร่างกายเราก่อนเลยนะเพราะเป็นเรื่องที่สำคัญมาก  ต้องนอนหลับพักผ่อนตามเวลาที่ร่างกายต้องการจริงๆและเวลาช่วงนั้นก็คือตั้งแต่สี่ทุ่มถึงประมาณตีสองของวันถัดไป (ต้องหลับก่อนสี่ทุ่ม) เพราะๆๆ  ทุกอย่างที่ทำต้องมีที่มาที่ไปใช่มั้ย  ต้องมีเหตุผลอยู่แล้ว  ช่วงเวลาปนะมาณสี่ทุ่มถึงตีสองความร้อนในร่างกายของคนเราจะสูงขึ้นโดยเฉพาะเวลาประมาณเที่ยงคืนจะเป็นเวลาที่ความร้อนในร่างกายเราสูงที่สุด  บางคนอาจไม่ใส่ใจ  แต่รู้มั้ยครับ  ความร้อนที่เกิดขึ้นนี้เป็นตัวการที่ทำให้เราดูแก่ถ้าเราไม่นอนช่วงเวลานี้  เพราะความร้อนนี่จะเผาเซลล์เราให้เหี่ยว หรือตายไปแต่ไม่มีการสร้างใหม่ขึ้นมาแทนในทันที  แต่ที่สำคัญไปกว่านั้นเซลล์สมองของเราเลิกสร้างตั้งแต่เรายังเล็กๆอยู่เลย  ความร้อนที่ว่านี้ก็จะเผาทำลายเซลล์สมองให้ตายมากกว่าปรกติหลายเท่าตัว  เซลล์สมองตายแล้วสร้างใหม่ไม่ได้นะ  ดังนั้นหลังจากวันนี้ก็นอนให้หลับก่อนสี่ทุ่มนะ

     เอาหล่ะหลังจากเราพักผ่อนเป็นแล้วเรื่องต่อมาที่สำคัญไม่แพ้กันคือเรื่องอาหารรวมน้ำด้วยนะ
     หลังจากเราตื่นในตอนเช้าดึกให้เราดื่มน้ำซักแก้วนะครับเพราะมันจะรู้สึกดี  หลังจากเราตื่นขึ้นมาประมาณตีสองกว่าๆ  ช่วงเวลานี้อิเล็กตรอนในอากาศสงบมากแล้วครับ (ใครเรียนดาราศาสตร์ก็คงรู้นะ)
เวลานี้อากาศดีมากๆ  ให้เราหายใจรับอากาศดีๆเบาๆให้สมองเราบ้างนะครับ  สมองโปร่งสบายมากเลยทีเดียว  ซักตีห้าถึงหกโมงเช้าก็อย่าลืมถ่ายหนักกันนะ (ส่วนถ่ายเบาปวดตอนไหนก็ปล่อยเลย) ร่ายยาวอีกแล้วอาหารหล่ะอยู่ไหน  รู้มั้ยอาหารมื้อที่สำคัญที่สุดไม่ใช่อาหารเช้า (อย่างที่นักวิจัยฝรั่งเค้ากรอกหูให้ครูๆสอนเรา) แต่ก็ควรกินอาหารเช้า  เพราะถ้าเราหิวเราะจะอ่านหนังสือหรือเรียนไม่รู้เรื่องเท่าที่ควร  แต่อาหารมื้อที่ขาดไม่ได้คือมื้อเที่ยง (อาหารเช้าขาดได้)  มื้อเที่ยงเริ่มตั้งแต่เวลาประมาณสิบนาฬิกาถึงบ่ายสองแต่ควรกินไม่เกินเที่ยงครึ่ง  เพราะถ้าเรากินข้าวเวลานี้ (กินข้าว...) ร่างกายจะเผาผลาญไปใช้ได้เต็มที่กินข้าวเวลานี้กินเท่าไหร่ก็อ้วนยาก (คนอ้วนก็เพราะกินอะไรนอกเวลาอย่างมากมาย...หรือไม่จริง) ข้าวเย็นก็ไม่ควรกินเกินสองทุ่มนะครับ  แล้วก็กินอาหารให้ครบห้าหมู่ด้วย  ฮ้า...สำหรับคนที่ซื้อซอ...ยเปปตีน  มาแด...ก เฮ้ย ดื่ม นี่ก็ฉลาดน้อยลงอีกแล้ว  พวกเห่อโฆษณา  ฟังโฆษณาให้ดีๆแล้วคิดครับ  ไอ้เจ้าซอ...ยเปปตีนเนี่ยม่ายช่ายโปรตีนของถั่วเหลืองแต้ๆหน่ะเจ้า  แต่มันเป็นโปรตีนที่สังเคราะห์มาจากโปรตีนที่สกัดมาจากถั่วเหลืองอีกที (เข้าใจเนาะ) แล้วที่สำคัญกว่านั้นมันมีสารกันบูดนะคะนะครับ  (สารกันบูดเนี่ยทำลายเซลล์สมองตัวพ่อเลยนะ) แล้วก็เทียบปริมาณโปรตีนแล้วแพงเวอร์ไปกว่าสี่เท่าตัว (แพงค่าขวดสีชามั้ง)  อันนี้ต้องปล่อยให้คิดเองว่าเราดื่มเนี่ยฉลาดขึ้นรึเปล่านะ

     มีอาหารกินแล้วก็คงเป็นเวลาอ่านหนังสือ  อันนี้ไม่มีอะไรมาก  แค่อย่าอ่านเวลานอนหลับ -.-!  เอาฮาไว้ก่อนครับ  รู้ไว้เลยนะเราควรนอนประมาณวันละสี่ชั่วโมง (ก็สี่ทุ่มถึงตีสองงัย) เพราะสมองใช้เวลาบันทึกเรื่องราวทุกเรื่องที่เรารับรู้ลงในสมองเวลาที่เราหลับนี่แหละ  และมันใช้เวลาประมาณสามชั่วโมง (เราก็นอนเอาชัวร์ซักสี่ชั่วโมง) รู้แบบนี้แล้วได้อะไร  ได้แน่ๆ   เพราะเราจะแบ่งเรื่องที่เราจะอ่านออกเป็นช่วงเวลาได้  แบบนี้  ก่อนนอนเราควรอ่านเรื่องที่ต้องท่องจำหรือวิชาที่ต้องใช้ความจำ  หลังจากนอนแล้วและตื่นขึ้นมาให้เราใช้เวลาอีกซักครึ่งชั่วโมงทวนสิ่งที่เราอ่านไปก่อนนอนแล้วเราจะจำได้ดี  และช่วงเช้าดึกหลังตีสอง  ให้เราอ่านวิชาที่ใช้สมองในการคำนวน  เพราะสมองคนเราจะทำงานด้านคำนวนได้ดีในช่วงนี้ (ไม่ขอเล่ารายละเอียดนะ)  นี่ก็คือเวลาอ่านหนังสือคร่าวๆ  จำไว้ว่า..."อย่าอ่านเวลานอน"

     อ่านหนังสือเป็นแล้วก็ใกล้ที่จะได้เวลาสอบเต็มแก่แล้วมั้ง  คนส่วนมากยิ่งใกล้สอบยิ่งอ่านหนังสือหนักเข้าไปใหญ่  และเป็นสิ่งที่เห็นได้ชัดว่า  คนส่วนมากผลการเรียนแย่มาก (สำหรับน้องที่จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยคนส่วนน้อยเท่านั้นที่สอบได้คณะและมหาวิทยาลัยที่คนส่วนมากใฝ่ฝัน)  ถ้าเห็นแบบนี้แล้วถ้าเราทำตามคนส่วนมากชีวิตเราก็จะแย่เหมือนเค้า (หรือแย่กว่าด้วยซ้ำ)

     การเตรียมสอบที่ดีควรอ่านหนังสือให้เสร็จก่อนสอบซักหนึ่งสัปดาห์  แล้วเวลาที่เหลือให้เราทบทวนแบบสบายๆ  ออกกำลังกายให้เหงื่อออกบ่อยขึ้น  ทำสมาธิให้นานขึ้น  แต่ห้ามเล่นเกม  หรือเล่นอินเตอร์เน็ตเด็ดขาด...เด็ดขาดเลยนะไม่งั้นที่อ่านมาทั้งหมดจะหายไปเกือบครึ่ง (และที่หายไปก็เรื่องสำคัญทั้งนั้น)  และ  และ  และ  ต้องไปให้ถึงห้องสอบก่อนเวลาเข้าสอบซักหนึ่งชั่วโมง  ให้ไปทำความคุ้นเคยกับสถานที่สอบ  ให้ร่างกายเรากับสถานที่เป็นหนึ่งเดียวกัน  และเมื่อเข้าไปนั่งในห้องสอบแล้วอย่าเพิ่งเปิดทำข้อสอบ  ถึงแม้คนอื่นจะก้มหน้าก้มตาทำข้อสอบ  ผมขอให้คุณเจียดเวลาซักหนึ่งนาที  หลับตาแล้วนึกขอบคุณทุกคน  และทุกสิ่ง (ที่นึกได้) ที่ให้ความรู้กับคุณ  แล้วค่อยลงมือทำข้อสอบแบบสบายๆ  อิอิ

     หลักๆก็มีแค่นี้หล่ะนะครับที่จะทำให้เราทำข้อสอบได้ดีกว่าพวกที่อ่านหนังสือแบบเอาเป็นเอาตาย  อย่าลืมออกกำลังกายด้วยนะ (ช่วงบ่ายๆ) อ้อ  อีกข้อหนึ่งถ้าทำได้นะจะช่วยให้เราทำข้อสอบได้ดีขึ้นอีกเท่าตัวเลยหล่ะ  คือว่า  ก่อนนอนซักครึ่งชั่วโมงหรือมากกว่านั้นให้สวดมนต์แล้วนั่งสมาธิ  ไม่ต้องเสียดายเวลาอ่านหนังสือ  รับประกันความคุ้มค่าด้วยบทเพลงบรรเลงออร์เคสตาร์ ๑๔ บทเพลงไว้ฟังแก้เครียดจากอัลบัม Grammy Light Orchestra ฟังกันให้จุใจไปเลยริปมาจากแผ่นแท้ความละเอียดสูงเน้อ...หาหูฟังเจ๋งๆ  ลำโพงดีๆ  มาไว้ฟังนะครับ แล้วก็สุดท้ายแล้วจริงๆ...อย่าเครียดกับการสอบนะไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นแบบไหน  "ชีวิตเรา...มีอะไรที่มากกว่านั้น"

Grammy Light Orchestra

Grammy Light Orchestra {27 พฤศจิกายน 2536}

ความละเอียด  320kbps  รูปแบบ MP3 Audio

All files storeged on mediafire.com {http://www.mediafire.com/?yjskizetm0qdt}

๐๑ ทำใจลำบาก ๐๒ ได้อย่างเสียอย่าง ๐๓ สบาย สบาย ๐๔ สงสารกันหน่อย
๐๕ ก็เคยสัญญา ๐๖ พักตรงนี้ ๐๗ ขอเพียงที่พักใจ ๐๘ เหมือนเป็นคนอื่น
๐๙ ด้วยรักและผูกพัน ๑๐ เธอรู้หรือเปล่า ๑๑ หมั่นคอยดูแลและรักษาดวงใจ
๑๒ ขอเป็นคนหนึ่ง ๑๓ ยิ่งใกล้ยิ่งเจ็บ ๑๔ วิมานดิน

วันพุธที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

วาเลนไทน์ {plus Pyramid - Charice featuring IYaz}

   แล้วปีนี้วันแห่งความรักก็จบลง (เพิ่งรู้เหรอ) ถึงจะช้าไปหน่อย  แต่ก็ยังจำได้ว่ามีบล็อกกะเค้าเหมือนกัน  วันนี้ก็เลยหยิบเรื่องของ "วาเลนไทน์" มาเล่าสู่กันฟัง  เชื่อเถอะนะครับว่าหลายคนเลยหล่ะไม่รู้ว่า "วันวาเลนไทน์" เนี่ย...มันมีมาได้ยังไง (เห่อกะเค้าไปงั้น) แต่ก่อนจะรู้ที่มาที่ไปของวันวาเลนไทน์นี้  อย่าลืมส่งความรักให้กับคุณพ่อและคุณแม่นะครับ
เค้าว่ากันว่า  วันวาเลนไทน์ที่เราชอบรักคนนู้นคนนี้ทีเนี่ยมันมีที่มาจากสมัยโรมัน (เฮอะ นานขนาดนั้นเชียว)  ในกรุงโรมสมัยนั้นเค้าให้วันที่ 14 กุมภาพันธ์  เป็นวันเฉลิมฉลองให้แก่เทพแห่งอิสตรีและการแต่งงาน และวันถัดมาจะเป็นวันเริ่มต้นงานเลี้ยง Lupercalia ยุคนั้นเด็กโรมันทั้งผู้หญิงและผู้ชายจะถูกแยกจากกันโดยเด็ดขาด  แต่ในคืนก่อนวันเฉลิมฉลอง Lupercalia ชื่อของเด็กผู้หญิงทุกคนจะถูกเขียนลงในแผ่นกระดาษแล้วใส่ไว้ในเหยือก  เด็กผู้ชายก็จะสุ่มชื่อของเด็กผู้หญิงออกมา  หลังจากนั้นทั้งคู่ก็จะถูกจับแต่งงานกัน (คล้ายคลุมถุงชนเลยเนอะแต่โหดกว่า)
ฟังต่อนะ..ฟังต่อ.. ต่อมาในสมัยของ "จักรพรรดิคลอดิอัส ที่ 2" เค้าชอบทำสงครามมั่กมากเลยแต่ว่าไม่มีผู้ชายอยากมาเป็นทหาร เฮียแกเลยคิดว่า  "บ๊ะ! สงสัยไอ้พวกเด็กหนุ่มมันไม่อยากจากคนรักละมั้ง"  ก็เลยออกกฎไม่ให้มีการแต่งงานกัน (หมั้นก็ไม่ได้นะ) เอาละทีนี้ทำงัยดีหล่ะ  แต่ก็นะคนเราชอบแหกกฎอย่างเซนต์วาเลนไทน์งัยหล่ะ (วาเลนตินัส) กะเซนต์มาริอัสก็จัดพิธีแต่งงานให้กับชาวคริสจนถูกจับ (แต่ถึงอยู่ในคุกก็ยังส่งคำอวยพรให้คู่รักอยู่) อืม...แล้วว่ากันว่าตอนที่เซนต์วาเลนไทน์อยู่ในคุกก็ได้รักหญิงชื่อจูเลีย (เห็นบอกว่าเป็นลูกสาวผู้คุม...แหมอะไรจะปานนั้น)  และในคืนก่อนที่วาเลนไทน์จะถูกตัดหัวเค้าได้ส่งจดหมายฉบับสุดท้ายถึงจูเลีย  โดยลงท้ายว่า "From Your Valentine" ต่อมาในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ.270 ศพของเซนต์วาเลนไทน์ถูกเก็บไว้ที่โบสถ์ Praxedes ในกรุงโรม จูเลยร์ได้ปลูกต้นอามันต์ (คาดว่าเป็นต้นอัลมอลต์ในปัจจุบัน) ไว้ไกล้หลุมศพของเซนต์วาเลนไทน์...ผู้เป็นที่รักของเธอ
ในทุกวันนี้ต้นอามันต์สีชมพูได้เป็นตัวแทนแห่งรักนิรันดร์และมิตรภาพอันสวยงาม

   อ่านแล้วมีส่วนไหนนอกจากส่วนนี้ที่กล่าวถึง "ดอกกุหลาบ" หรือ "กุหลาบ" มั้ยครับ  ขอบอกว่าไม่มีเลยครับ  ดอกกุหลาบนั้นมีต้นกำเนิดมาจากประเทศจีน  ในสมัยราชวงศ์ฮั่นได้มีการนำกุหลาบมาปลูกไว้ในวงเป็นจำนวนมาก (มันก็ยังไม่เกี่ยวกับวาเลนไทน์อยู่ดี) และอียิปต์ก็ปลูกกุหลาบเช่นกัน  อียิปต์ทำอุตสาหกรรมดอกกุหลาบเพื่อส่งขายให้กรุงโรม  เพราะชาวโรมันต้องการดอกกุหลาบเพื่อใช้ในกิจกรรมที่แสดงถึงความรักมาช้านาน  เนื่องจากดอกกุหลาบเป็นตัวแทนของการกำเนิดวีนัส (เอ๊ะวีนัสอยู่ในตำนานกรีกนี่หว่า...มางัยเนี่ย) แต่ในสมัยของจักรพรรดิคลอดิอัส ที่ 2 ก็ได้สั่งให้หยุดการซื้อขายดอกกุหลาบในกรุงโรมด้วย  ทำให้ดอกกุหลาบที่ชาวอียิปต์ปลูกเพื่อมาขายให้กับชาวโรมันนั้นขายไม่ได้ (ถึงขั้นเหยียบเล่นเลยก็ว่าได้เพราะไม่มีคนซื้อ) แต่หลังจากที่เซนต์วาเลนไทน์สิ้นชีวิตลงและนางจูเลียได้ปลูกต้นอามันต์ไว้นั้น  ก็ได้มีพ่อค้าหัวใสชาวกรีกรับซื้อดอกกุหลาบจากชาวอียิปต์ (ในราคาที่ถูกมากๆๆๆๆๆๆ...) แล้วนำมาขายให้กับชาวโรมันในราคาที่สูงมาก (มากกว่าแต่ก่อนหลายเท่า) โดยบอกว่า  ดอกกุหลาบสีชมพูเป็นดอกไม้ที่เอาไว้ไหว้เซนต์วาเลนไทน์  คนที่นับถือวาเลนไทน์ต่างก็ซื้อกันมากมายเพื่อไหว้ศพของวาเลนไทน์...เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้อาจเป็นเพียงเรื่องเล่า  หรือเรื่องที่เกิดขึ้นจริงก็ได้  ลองใช้ความคิดไตร่ตรองความเชื่อเองแล้วกันนะครับ

   แต่เรื่องที่ไม่ต้องไตร่ตรองเลยสำหรับสัปดาห์นี้คือ... Pyramid  เอ๊ะเกี่ยวไร ผมขอมอบบทเพลงแห่งความรักที่แน่นแฟ้นดุจหินผา  มั่นคงดั่ง Pyramid เป็นบทเพลงที่ขับร้องโดย Charice และมี IYAZ มา featuring ด้วย แหม...เพลงนี้ฟังแล้วซึ้งจริงๆเลยครับ  ผมฟังแล้วเข้าใจตามนี้นะครับ  แต่ถ้าเนื้อหาเพลงหมายความว่างัยก็ช่วยบอกกันด้วย (ภาษาอังกฤษไม่แข็งแรงเอามากๆ)



ตัวนี้เป็นมิวสิกวิดีโอสตูดิโอเวอร์ชันขนาด 360p จากยูทูป แต่ที่เราจะมอบให้สำหรับคู่รักคุณภาพสูงต้องระดับ HD 720p มีทั้ง Studio Version และ Music Video Version ลากันแค่นี้ก่อนนะครับขอให้มีความสุขทุกวันเลยนะครับ

วันอังคารที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

The Love Software

คุณผู้หญิงคนนึงกำลังมีปัญหาในการติดตั้ง "โปรแกรมความรัก" เธอจึงโทรศัพท์ถึงช่างเทคนิคเพื่อเล่าปัญหาให้ฟัง


ช่างเทคนิค   : สวัสดีครับ มีอะไรให้ผมรับใช้ครับ
คุณผู้หญิง   : ฉันเจอซอฟแวร์ตัวนึงค่ะที่ชื่อว่า "ความรัก" ฉันคิดว่ามันน่าสนใจมากเลยค่ะ คุณช่วยแนะนำฉันหน่อยได้มั้ยค่ะ


ช่างเทคนิค   : ด้วยความยินดีครับ ไม่ทราบว่าคุณพร้อมที่จะติดตั้งซอฟแวร์นี้หรือยังครับ
คุณผู้หญิง   : อืม... ไม่รู้เหมือนกันค่ะ บอกตามตรงว่าฉันไม่ค่อยรู้เรื่องคอมพิวเตอร์เท่าไร แต่ฉันคิดว่าน่าจะพร้อมนะคะ ไม่ทราบว่าต้องเริ่มยังไงคะ


ช่างเทคนิค   : งั้นเรามาเริ่มกันเลยนะครับ สิ่งแรกที่คุณต้องทำก็คือคุณต้อง "เปิดใจ" ของคุณก่อนนะครับ
คุณผู้หญิง   : ได้ค่ะ แต่ว่าตอนนี้ฉันเปิดใช้โปรแกรมอื่นอยู่ด้วยค่ะ ไม่ทราบว่าจะมีปัญหาในการติดตั้งมั้ยค่ะถ้าไม่ได้ปิดโปรแกรมพวกนี้


ช่างเทคนิค   : ไม่ทราบว่าตอนนี้คุณเปิดโปรแกรมอะไรอยู่บ้างครับ
คุณผู้หญิง   : ขอลองนึกดูก่อนนะคะ อืม... ที่เปิดใช้อยู่ก็มี

 "ความเจ็บปวดในอดีต"

 "การไม่เห็นคุณค่าในตัวเอง"

 "ความริษยา"

 "ความขุ่นเคือง"

  แล้วก็... "ความโกรธ" แค่นี้มั้งคะ


ช่างเทคนิค   : ไม่ต้องเป็นห่วงอะไรเลยครับ
     ระหว่างที่ติดตั้งซอฟแวร์ความรัก ซอฟแวร์ตัวนี้จะค่อยๆขัดขวางการทำงานของโปรแกรม "ความเจ็บปวดในอดีต" จนโปรแกรมไม่สามารถทำงานได้ และโปรแกรมความเจ็บปวดนี้จะไม่สามารถส่งผลใดๆต่อเครื่องของคุณเลยครับ ไม่ต้องกังวล

   ส่วนโปรแกรมที่ชื่อว่า "การไม่เห็นคุณค่าในตัวเอง" จะถูกซอฟแวร์ความรักบังคับให้ทำงานในทางตรงกันข้ามจนกระทั้งโปรแกรมถูกเปลี่ยนชื่อตัวเองเป็นโปรแกรม "เห็นคุณค่าในตัวเอง" แต่ต้องดูแลโปรแกรมตัวใหม่นี้ให้ดีนะครับ เพราะตัวโปรแกรม "เห็นคุณค่าในตัวเอง" อาจจะอัพเกรดตัวเองกลายเป็นโปรแกรมที่ชื่อ "เอาแต่ใจตัวเอง" ซึ้งโปรแกรมตัวที่ผ่านการอัพเกรดใหม่นี้จะลดปรสิทธิภาพการทำงานของโปแกรมความรัก หรือที่ร้ายแรงกว่านั้นโปรแกรมความรักก็อาจจะถูกถอนการติดตั้งไปได้

   แล้วอีกอย่างนะครับ ผมต้องขอให้คุณปิดโปรแกรม "ความริษยา" ,"ความขุ่นเคือง" ,และ "ความโกรธ" ให้ได้นะครับ เพราะโปรแกรมสามตัวนี้จะขัดขวางการติดตั้งโปรแกรมความรัก ไม่ให้ติดตั้งลงในเครื่องของคุณ รบกวนช่วยปิดมันทีนะครับ
คุณผู้หญิง   : บอกตามตรงเลยนะคะ ฉันไม่รู้ว่าจะปิดโปรแกรมพวกนี้ยังไง


ช่างเทคนิค   : ไม่ยากเลยครับ ผมแน่ใจว่าเครื่องของคุณมีโปรแกรมที่ชื่อว่า "การให้อภัย" ให้คุณเปิดโปรแกรมนี้ขึ้นมาและให้โปรแกรมนี้ทำงานไปเรื่อยๆ แล้วโปรแกรม "ความริษยา" ,"ความขุ่นเคือง" ,และ "ความโกรธ" จะปิดตัวลงไปเองครับ
คุณผู้หญิง   : เสร็จแล้วค่ะ เอ...แต่ทำไมโปรแกรมความรัก ติดตั้งตัวเองโดยที่ฉันไม่ได้ทำอะไรเลย มันต้องเป็นแบบนี้รึเปล่าคะ


ช่างเทคนิค   : ไม่ต้องตกใจครับ เป็นเรื่องปรกติครับ
คุณผู้หญิง   : อุ้ย...มีข้อผิดพลาดแสดงที่หน้าจอค่ะ


ช่างเทคนิค   : ข้อความบอกว่ายังไงบ้างครับ
คุณผู้หญิง   : ข้อความบอกว่า "โปรแกรมไม่สามารถเชื่อต่อสู่ภายนอกได้" ฉันต้องทำยังไงบ้างคะ


ช่างเทคนิค   : ยินดีด้วยนะครับ โปรแกรมความรัก ได้ติดตั้งลงในเครื่องของคุณเสร็จแล้วครับ
คุณผู้หญิง   : แล้วฉันต้องทำอะไรต่ออีกมั้ยค่ะ


ช่างเทคนิค   : ตรงกล่องข้อความที่แสดงขึ้นมา คุณช่วยเลื่อนลงมาด้านล่าง จะมีช่องให้คลิกเลือก "การยกโทษให้ตัวเอง" ,"การเห็นคุณค่าในตัวเอง" ,และ "การยอมรับในตัวเอง" ให้คุณเลือกทุกช่องแล้วคลิก "เสร็จสิ้น" และหลังจากนั้นโปรแกรมความรักจะสร้างไฟล์ขึ้นมา ชื่อ "การรักตัวเอง"
คุณผู้หญิง   : ค่ะ แล้วงัยต่อคะ


ช่างเทคนิค   : ให้คุณเข้าไปที่โฟล์เดอร์ระบบ แล้วคัดลอกไฟล์ที่ชื่อ

 "การเห็นคุณค่าในตัวเอง"

 "การยกโทษให้ตัวเอง"

 "การยอมรับตัวเอง"

 "การรักตัวเอง"

  ไปไว้ในโฟล์เดอร์ที่ชื่อว่า "ใจ" จากนั้นให้รีสตาร์ทเครื่อง เสร็จแล้วให้เข้าไปดูในโฟล์เดอร์ที่ชื่อว่า "ใจ" อีกทีหนึ่ง คุณจะเห็นไฟล์ใหม่ที่ชื่อว่า "การรักคนรอบข้าง" ไม่ต้องตกใจนะครับ ตอนนี้โปรแกรมได้ทำงานสมบูรณ์และเชื่อมต่อสู่ภายนอกได้แล้วหล่ะครับ แต่ยังไม่หมดแค่นี้นะครับ คุณต้องลบไฟล์ที่ชื่อ "การพูดแง่ลบ" และ "การตัดสินแทนผู้อื่น" ออกทุกๆโฟล์เดอ์อย่าให้เหลือนะครับ และอย่าลืมไปลบอีกทีใน Recycle Bin นะครับ จะได้มั่นใจว่าไฟล์พวกนี้จะไม่ติดตั้งตัวเองขึ้นมาใหม่
คุณผู้หญิง   : ค่ะ...เอ๊ะ ขอโทษนะคะ มีไฟล์ใหม่เกิดขึ้นในใจของฉันเยอะเลยค่ะ อย่าง "ยิ้ม" ตอนนี้กำลังวิ่งอยู่เต็มหน้าจอเลยค่ะ "ความสุข" ,"ความยินดี" ,และ "ความสันติ" กำลังคัดลอกตัวเองอยู่ภายในใจฉันเต็มไปหมดเลยค่ะ


ช่างเทคนิค   : เป็นเรื่องปรกติครับ เพียงแต่สำหรับบางคนต้องใช้เวลานิดหน่อย แต่ท้ายที่สุดผลลัพธ์ก็จะเกิดเหมือนๆกันครับ อ่อ...มีอีกเรื่องนะครับก่อนที่จะวางสาย โปรแกรมความรักเป็นฟรีแวร์ อย่าลืมแบ่งปันให้คนรอบข้างด้วยนะครับ

  ความรักที่คุณให้ไปจะไม่เหมือนกันในแต่ละคน และความรักนี้จะถูกส่งต่อไปยังคนอื่นๆ แล้วส่วนหนึ่งก็จะกลับคืนมาสู่ตัวคุณด้วยและเมื่อนั้นความรักของคุณก็จะมีการพัฒนาขึ้นไปอีกเรื่อยๆเลยครับ สวัสดีครับ
คุณผู้หญิง   : ค่ะ เดี๋ยวก่อนนะคะ คุยกันมาตั้งนานฉันยังไม่รู้จักคุณเลยค่ะ


   

ช่างเทคนิคเงียบไปพักนึง ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาว่า...



"ผมก็คือใจคุณนั่นแหละครับ คอยหมั่นดูแลและให้ความรักกับผมให้ดีและสม่ำเสมอทุกวันนะครับ แล้วโปรแกรมความรักก็จะทำให้คุณมีความสุขจนลมหายใจสุดท้ายของคุณครับ"

วันจันทร์ที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2554

Singular @ The White Room

Artists : Singular
Album : The White Room
Year : 2010
Format : mp3
Bit Rate : 320 kbps
Size : 63.3 MB
Description : Rip from CD Audio Master
Site : http://www.singularband.com
01 24.7 MF 4S
02 ลอง MF 4S
03 เบา เบา MF 4S
04 Game MF 4S
05 อีกวัน MF 4S
06 Faded.acoustic MF 4S
07 24.7 Acoustic MF 4S