วันศุกร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

เตรียมความพร้อมก่อน...สอบ {plus Grammy Light Orchestra}

     วันนี้วันมาฆบูชาแล้วนะเนี่ย  อยู่สัปดาห์เดียวกันกับวันวาเลนไทน์เลย (ต่างศาสนาต่างความเชื่อก็อยู่ร่วมกันได้...เห็นมั้ย) แต่ก็อย่าเพิ่งดีใจกันไปนะครับ  สำหรับคนที่ยังใช้ชีวิตอยู่กับการเรียน  จะสอบไฟนอลแล้วนะ... (บางคนอาจไม่รู้ว่าสอบไฟนอลคืออะไร  มันก็คือการสอบปลายภาคนั่นแหละครับ) และน้อง ม.๖ ก็ต้องลุ้นเข้ามหาวิทยาลัยรอบสุดท้ายกันแล้ว  สอบครั้งสุดท้ายแล้วต้องทำให้ดีที่สุดนะครับ  ไม่ว่าใครจะสอบอะไร  มันก็คือการวัดความสามารถ  ขอเน้นว่าวัดความสามารถนะครับไม่ใช่ความรู้  เพราะมีความรู้อย่างเดียวสอบไม่ได้แน่ๆเลย  เราต้องใช้ความรู้ที่เรามีให้เป็นและเร็วด้วย  สำหรับคนที่สอบเข้ามหาวิทยาลัย  รู้มั้ยถ้าคุณมีโอกาสอ่านบทความนี้  คุณชนะคนเป็นหมื่นได้อย่างสบายเลยหล่ะ

     ร่ายมาซะยาว...มาเข้าสาระกันเถอะ  อ๊ะ...บทความนี้พิเศษสำหรับคนที่มีโอกาสอ่านเท่านั้นนะ
     ก่อนอื่นนะ  ก่อนที่จะสอบอะไรก็ตาม  เราต้องฉลาดก่อน  พอเราฉลาดแล้วความฉลาดจะทำให้เราเก่งอีกทีนึง  ฉลาดเนี่ยไม่ใช่อัจฉริยะอะไรหรอกนะครับ  เพียงแต่ต้องรู้จักตัวเอง  หมายรวมถึงร่างกายของเราด้วยนะ  อยากบอกอะไรให้รู้เรื่องนึงจำไว้ให้ดีนะ "คนที่อ่านหนังสือข้ามคืนไม่ใช่คนฉลาด" เพราะการอ่านหนังสือมีเวลาของมัน  ร่างกายก็มีเวลาของมัน  มาทำความเข้าใจเกี่ยวกับเวลาของร่างกายเราก่อนเลยนะเพราะเป็นเรื่องที่สำคัญมาก  ต้องนอนหลับพักผ่อนตามเวลาที่ร่างกายต้องการจริงๆและเวลาช่วงนั้นก็คือตั้งแต่สี่ทุ่มถึงประมาณตีสองของวันถัดไป (ต้องหลับก่อนสี่ทุ่ม) เพราะๆๆ  ทุกอย่างที่ทำต้องมีที่มาที่ไปใช่มั้ย  ต้องมีเหตุผลอยู่แล้ว  ช่วงเวลาปนะมาณสี่ทุ่มถึงตีสองความร้อนในร่างกายของคนเราจะสูงขึ้นโดยเฉพาะเวลาประมาณเที่ยงคืนจะเป็นเวลาที่ความร้อนในร่างกายเราสูงที่สุด  บางคนอาจไม่ใส่ใจ  แต่รู้มั้ยครับ  ความร้อนที่เกิดขึ้นนี้เป็นตัวการที่ทำให้เราดูแก่ถ้าเราไม่นอนช่วงเวลานี้  เพราะความร้อนนี่จะเผาเซลล์เราให้เหี่ยว หรือตายไปแต่ไม่มีการสร้างใหม่ขึ้นมาแทนในทันที  แต่ที่สำคัญไปกว่านั้นเซลล์สมองของเราเลิกสร้างตั้งแต่เรายังเล็กๆอยู่เลย  ความร้อนที่ว่านี้ก็จะเผาทำลายเซลล์สมองให้ตายมากกว่าปรกติหลายเท่าตัว  เซลล์สมองตายแล้วสร้างใหม่ไม่ได้นะ  ดังนั้นหลังจากวันนี้ก็นอนให้หลับก่อนสี่ทุ่มนะ

     เอาหล่ะหลังจากเราพักผ่อนเป็นแล้วเรื่องต่อมาที่สำคัญไม่แพ้กันคือเรื่องอาหารรวมน้ำด้วยนะ
     หลังจากเราตื่นในตอนเช้าดึกให้เราดื่มน้ำซักแก้วนะครับเพราะมันจะรู้สึกดี  หลังจากเราตื่นขึ้นมาประมาณตีสองกว่าๆ  ช่วงเวลานี้อิเล็กตรอนในอากาศสงบมากแล้วครับ (ใครเรียนดาราศาสตร์ก็คงรู้นะ)
เวลานี้อากาศดีมากๆ  ให้เราหายใจรับอากาศดีๆเบาๆให้สมองเราบ้างนะครับ  สมองโปร่งสบายมากเลยทีเดียว  ซักตีห้าถึงหกโมงเช้าก็อย่าลืมถ่ายหนักกันนะ (ส่วนถ่ายเบาปวดตอนไหนก็ปล่อยเลย) ร่ายยาวอีกแล้วอาหารหล่ะอยู่ไหน  รู้มั้ยอาหารมื้อที่สำคัญที่สุดไม่ใช่อาหารเช้า (อย่างที่นักวิจัยฝรั่งเค้ากรอกหูให้ครูๆสอนเรา) แต่ก็ควรกินอาหารเช้า  เพราะถ้าเราหิวเราะจะอ่านหนังสือหรือเรียนไม่รู้เรื่องเท่าที่ควร  แต่อาหารมื้อที่ขาดไม่ได้คือมื้อเที่ยง (อาหารเช้าขาดได้)  มื้อเที่ยงเริ่มตั้งแต่เวลาประมาณสิบนาฬิกาถึงบ่ายสองแต่ควรกินไม่เกินเที่ยงครึ่ง  เพราะถ้าเรากินข้าวเวลานี้ (กินข้าว...) ร่างกายจะเผาผลาญไปใช้ได้เต็มที่กินข้าวเวลานี้กินเท่าไหร่ก็อ้วนยาก (คนอ้วนก็เพราะกินอะไรนอกเวลาอย่างมากมาย...หรือไม่จริง) ข้าวเย็นก็ไม่ควรกินเกินสองทุ่มนะครับ  แล้วก็กินอาหารให้ครบห้าหมู่ด้วย  ฮ้า...สำหรับคนที่ซื้อซอ...ยเปปตีน  มาแด...ก เฮ้ย ดื่ม นี่ก็ฉลาดน้อยลงอีกแล้ว  พวกเห่อโฆษณา  ฟังโฆษณาให้ดีๆแล้วคิดครับ  ไอ้เจ้าซอ...ยเปปตีนเนี่ยม่ายช่ายโปรตีนของถั่วเหลืองแต้ๆหน่ะเจ้า  แต่มันเป็นโปรตีนที่สังเคราะห์มาจากโปรตีนที่สกัดมาจากถั่วเหลืองอีกที (เข้าใจเนาะ) แล้วที่สำคัญกว่านั้นมันมีสารกันบูดนะคะนะครับ  (สารกันบูดเนี่ยทำลายเซลล์สมองตัวพ่อเลยนะ) แล้วก็เทียบปริมาณโปรตีนแล้วแพงเวอร์ไปกว่าสี่เท่าตัว (แพงค่าขวดสีชามั้ง)  อันนี้ต้องปล่อยให้คิดเองว่าเราดื่มเนี่ยฉลาดขึ้นรึเปล่านะ

     มีอาหารกินแล้วก็คงเป็นเวลาอ่านหนังสือ  อันนี้ไม่มีอะไรมาก  แค่อย่าอ่านเวลานอนหลับ -.-!  เอาฮาไว้ก่อนครับ  รู้ไว้เลยนะเราควรนอนประมาณวันละสี่ชั่วโมง (ก็สี่ทุ่มถึงตีสองงัย) เพราะสมองใช้เวลาบันทึกเรื่องราวทุกเรื่องที่เรารับรู้ลงในสมองเวลาที่เราหลับนี่แหละ  และมันใช้เวลาประมาณสามชั่วโมง (เราก็นอนเอาชัวร์ซักสี่ชั่วโมง) รู้แบบนี้แล้วได้อะไร  ได้แน่ๆ   เพราะเราจะแบ่งเรื่องที่เราจะอ่านออกเป็นช่วงเวลาได้  แบบนี้  ก่อนนอนเราควรอ่านเรื่องที่ต้องท่องจำหรือวิชาที่ต้องใช้ความจำ  หลังจากนอนแล้วและตื่นขึ้นมาให้เราใช้เวลาอีกซักครึ่งชั่วโมงทวนสิ่งที่เราอ่านไปก่อนนอนแล้วเราจะจำได้ดี  และช่วงเช้าดึกหลังตีสอง  ให้เราอ่านวิชาที่ใช้สมองในการคำนวน  เพราะสมองคนเราจะทำงานด้านคำนวนได้ดีในช่วงนี้ (ไม่ขอเล่ารายละเอียดนะ)  นี่ก็คือเวลาอ่านหนังสือคร่าวๆ  จำไว้ว่า..."อย่าอ่านเวลานอน"

     อ่านหนังสือเป็นแล้วก็ใกล้ที่จะได้เวลาสอบเต็มแก่แล้วมั้ง  คนส่วนมากยิ่งใกล้สอบยิ่งอ่านหนังสือหนักเข้าไปใหญ่  และเป็นสิ่งที่เห็นได้ชัดว่า  คนส่วนมากผลการเรียนแย่มาก (สำหรับน้องที่จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยคนส่วนน้อยเท่านั้นที่สอบได้คณะและมหาวิทยาลัยที่คนส่วนมากใฝ่ฝัน)  ถ้าเห็นแบบนี้แล้วถ้าเราทำตามคนส่วนมากชีวิตเราก็จะแย่เหมือนเค้า (หรือแย่กว่าด้วยซ้ำ)

     การเตรียมสอบที่ดีควรอ่านหนังสือให้เสร็จก่อนสอบซักหนึ่งสัปดาห์  แล้วเวลาที่เหลือให้เราทบทวนแบบสบายๆ  ออกกำลังกายให้เหงื่อออกบ่อยขึ้น  ทำสมาธิให้นานขึ้น  แต่ห้ามเล่นเกม  หรือเล่นอินเตอร์เน็ตเด็ดขาด...เด็ดขาดเลยนะไม่งั้นที่อ่านมาทั้งหมดจะหายไปเกือบครึ่ง (และที่หายไปก็เรื่องสำคัญทั้งนั้น)  และ  และ  และ  ต้องไปให้ถึงห้องสอบก่อนเวลาเข้าสอบซักหนึ่งชั่วโมง  ให้ไปทำความคุ้นเคยกับสถานที่สอบ  ให้ร่างกายเรากับสถานที่เป็นหนึ่งเดียวกัน  และเมื่อเข้าไปนั่งในห้องสอบแล้วอย่าเพิ่งเปิดทำข้อสอบ  ถึงแม้คนอื่นจะก้มหน้าก้มตาทำข้อสอบ  ผมขอให้คุณเจียดเวลาซักหนึ่งนาที  หลับตาแล้วนึกขอบคุณทุกคน  และทุกสิ่ง (ที่นึกได้) ที่ให้ความรู้กับคุณ  แล้วค่อยลงมือทำข้อสอบแบบสบายๆ  อิอิ

     หลักๆก็มีแค่นี้หล่ะนะครับที่จะทำให้เราทำข้อสอบได้ดีกว่าพวกที่อ่านหนังสือแบบเอาเป็นเอาตาย  อย่าลืมออกกำลังกายด้วยนะ (ช่วงบ่ายๆ) อ้อ  อีกข้อหนึ่งถ้าทำได้นะจะช่วยให้เราทำข้อสอบได้ดีขึ้นอีกเท่าตัวเลยหล่ะ  คือว่า  ก่อนนอนซักครึ่งชั่วโมงหรือมากกว่านั้นให้สวดมนต์แล้วนั่งสมาธิ  ไม่ต้องเสียดายเวลาอ่านหนังสือ  รับประกันความคุ้มค่าด้วยบทเพลงบรรเลงออร์เคสตาร์ ๑๔ บทเพลงไว้ฟังแก้เครียดจากอัลบัม Grammy Light Orchestra ฟังกันให้จุใจไปเลยริปมาจากแผ่นแท้ความละเอียดสูงเน้อ...หาหูฟังเจ๋งๆ  ลำโพงดีๆ  มาไว้ฟังนะครับ แล้วก็สุดท้ายแล้วจริงๆ...อย่าเครียดกับการสอบนะไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นแบบไหน  "ชีวิตเรา...มีอะไรที่มากกว่านั้น"

Grammy Light Orchestra

Grammy Light Orchestra {27 พฤศจิกายน 2536}

ความละเอียด  320kbps  รูปแบบ MP3 Audio

All files storeged on mediafire.com {http://www.mediafire.com/?yjskizetm0qdt}

๐๑ ทำใจลำบาก ๐๒ ได้อย่างเสียอย่าง ๐๓ สบาย สบาย ๐๔ สงสารกันหน่อย
๐๕ ก็เคยสัญญา ๐๖ พักตรงนี้ ๐๗ ขอเพียงที่พักใจ ๐๘ เหมือนเป็นคนอื่น
๐๙ ด้วยรักและผูกพัน ๑๐ เธอรู้หรือเปล่า ๑๑ หมั่นคอยดูแลและรักษาดวงใจ
๑๒ ขอเป็นคนหนึ่ง ๑๓ ยิ่งใกล้ยิ่งเจ็บ ๑๔ วิมานดิน

1 ความคิดเห็น:

  1. เป็นเด็กเขาแล้วอาจจะไม่ดี มาเป็นเด็กเราสักทีแล้วมันดีขึ้นเอง gclub

    ตอบลบ