วันพุธที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

วาเลนไทน์ {plus Pyramid - Charice featuring IYaz}

   แล้วปีนี้วันแห่งความรักก็จบลง (เพิ่งรู้เหรอ) ถึงจะช้าไปหน่อย  แต่ก็ยังจำได้ว่ามีบล็อกกะเค้าเหมือนกัน  วันนี้ก็เลยหยิบเรื่องของ "วาเลนไทน์" มาเล่าสู่กันฟัง  เชื่อเถอะนะครับว่าหลายคนเลยหล่ะไม่รู้ว่า "วันวาเลนไทน์" เนี่ย...มันมีมาได้ยังไง (เห่อกะเค้าไปงั้น) แต่ก่อนจะรู้ที่มาที่ไปของวันวาเลนไทน์นี้  อย่าลืมส่งความรักให้กับคุณพ่อและคุณแม่นะครับ
เค้าว่ากันว่า  วันวาเลนไทน์ที่เราชอบรักคนนู้นคนนี้ทีเนี่ยมันมีที่มาจากสมัยโรมัน (เฮอะ นานขนาดนั้นเชียว)  ในกรุงโรมสมัยนั้นเค้าให้วันที่ 14 กุมภาพันธ์  เป็นวันเฉลิมฉลองให้แก่เทพแห่งอิสตรีและการแต่งงาน และวันถัดมาจะเป็นวันเริ่มต้นงานเลี้ยง Lupercalia ยุคนั้นเด็กโรมันทั้งผู้หญิงและผู้ชายจะถูกแยกจากกันโดยเด็ดขาด  แต่ในคืนก่อนวันเฉลิมฉลอง Lupercalia ชื่อของเด็กผู้หญิงทุกคนจะถูกเขียนลงในแผ่นกระดาษแล้วใส่ไว้ในเหยือก  เด็กผู้ชายก็จะสุ่มชื่อของเด็กผู้หญิงออกมา  หลังจากนั้นทั้งคู่ก็จะถูกจับแต่งงานกัน (คล้ายคลุมถุงชนเลยเนอะแต่โหดกว่า)
ฟังต่อนะ..ฟังต่อ.. ต่อมาในสมัยของ "จักรพรรดิคลอดิอัส ที่ 2" เค้าชอบทำสงครามมั่กมากเลยแต่ว่าไม่มีผู้ชายอยากมาเป็นทหาร เฮียแกเลยคิดว่า  "บ๊ะ! สงสัยไอ้พวกเด็กหนุ่มมันไม่อยากจากคนรักละมั้ง"  ก็เลยออกกฎไม่ให้มีการแต่งงานกัน (หมั้นก็ไม่ได้นะ) เอาละทีนี้ทำงัยดีหล่ะ  แต่ก็นะคนเราชอบแหกกฎอย่างเซนต์วาเลนไทน์งัยหล่ะ (วาเลนตินัส) กะเซนต์มาริอัสก็จัดพิธีแต่งงานให้กับชาวคริสจนถูกจับ (แต่ถึงอยู่ในคุกก็ยังส่งคำอวยพรให้คู่รักอยู่) อืม...แล้วว่ากันว่าตอนที่เซนต์วาเลนไทน์อยู่ในคุกก็ได้รักหญิงชื่อจูเลีย (เห็นบอกว่าเป็นลูกสาวผู้คุม...แหมอะไรจะปานนั้น)  และในคืนก่อนที่วาเลนไทน์จะถูกตัดหัวเค้าได้ส่งจดหมายฉบับสุดท้ายถึงจูเลีย  โดยลงท้ายว่า "From Your Valentine" ต่อมาในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ.270 ศพของเซนต์วาเลนไทน์ถูกเก็บไว้ที่โบสถ์ Praxedes ในกรุงโรม จูเลยร์ได้ปลูกต้นอามันต์ (คาดว่าเป็นต้นอัลมอลต์ในปัจจุบัน) ไว้ไกล้หลุมศพของเซนต์วาเลนไทน์...ผู้เป็นที่รักของเธอ
ในทุกวันนี้ต้นอามันต์สีชมพูได้เป็นตัวแทนแห่งรักนิรันดร์และมิตรภาพอันสวยงาม

   อ่านแล้วมีส่วนไหนนอกจากส่วนนี้ที่กล่าวถึง "ดอกกุหลาบ" หรือ "กุหลาบ" มั้ยครับ  ขอบอกว่าไม่มีเลยครับ  ดอกกุหลาบนั้นมีต้นกำเนิดมาจากประเทศจีน  ในสมัยราชวงศ์ฮั่นได้มีการนำกุหลาบมาปลูกไว้ในวงเป็นจำนวนมาก (มันก็ยังไม่เกี่ยวกับวาเลนไทน์อยู่ดี) และอียิปต์ก็ปลูกกุหลาบเช่นกัน  อียิปต์ทำอุตสาหกรรมดอกกุหลาบเพื่อส่งขายให้กรุงโรม  เพราะชาวโรมันต้องการดอกกุหลาบเพื่อใช้ในกิจกรรมที่แสดงถึงความรักมาช้านาน  เนื่องจากดอกกุหลาบเป็นตัวแทนของการกำเนิดวีนัส (เอ๊ะวีนัสอยู่ในตำนานกรีกนี่หว่า...มางัยเนี่ย) แต่ในสมัยของจักรพรรดิคลอดิอัส ที่ 2 ก็ได้สั่งให้หยุดการซื้อขายดอกกุหลาบในกรุงโรมด้วย  ทำให้ดอกกุหลาบที่ชาวอียิปต์ปลูกเพื่อมาขายให้กับชาวโรมันนั้นขายไม่ได้ (ถึงขั้นเหยียบเล่นเลยก็ว่าได้เพราะไม่มีคนซื้อ) แต่หลังจากที่เซนต์วาเลนไทน์สิ้นชีวิตลงและนางจูเลียได้ปลูกต้นอามันต์ไว้นั้น  ก็ได้มีพ่อค้าหัวใสชาวกรีกรับซื้อดอกกุหลาบจากชาวอียิปต์ (ในราคาที่ถูกมากๆๆๆๆๆๆ...) แล้วนำมาขายให้กับชาวโรมันในราคาที่สูงมาก (มากกว่าแต่ก่อนหลายเท่า) โดยบอกว่า  ดอกกุหลาบสีชมพูเป็นดอกไม้ที่เอาไว้ไหว้เซนต์วาเลนไทน์  คนที่นับถือวาเลนไทน์ต่างก็ซื้อกันมากมายเพื่อไหว้ศพของวาเลนไทน์...เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้อาจเป็นเพียงเรื่องเล่า  หรือเรื่องที่เกิดขึ้นจริงก็ได้  ลองใช้ความคิดไตร่ตรองความเชื่อเองแล้วกันนะครับ

   แต่เรื่องที่ไม่ต้องไตร่ตรองเลยสำหรับสัปดาห์นี้คือ... Pyramid  เอ๊ะเกี่ยวไร ผมขอมอบบทเพลงแห่งความรักที่แน่นแฟ้นดุจหินผา  มั่นคงดั่ง Pyramid เป็นบทเพลงที่ขับร้องโดย Charice และมี IYAZ มา featuring ด้วย แหม...เพลงนี้ฟังแล้วซึ้งจริงๆเลยครับ  ผมฟังแล้วเข้าใจตามนี้นะครับ  แต่ถ้าเนื้อหาเพลงหมายความว่างัยก็ช่วยบอกกันด้วย (ภาษาอังกฤษไม่แข็งแรงเอามากๆ)



ตัวนี้เป็นมิวสิกวิดีโอสตูดิโอเวอร์ชันขนาด 360p จากยูทูป แต่ที่เราจะมอบให้สำหรับคู่รักคุณภาพสูงต้องระดับ HD 720p มีทั้ง Studio Version และ Music Video Version ลากันแค่นี้ก่อนนะครับขอให้มีความสุขทุกวันเลยนะครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น